วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

THE RITE (ภาพยนตร์) เมื่อความตายมาเยือน คุณจะเชื่อในสิ่งใด [SPOIL]

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมมีหนังอีกเรื่องมานำเสนอ ตามสไตล์คนบ้าหนังแต่อยากได้ธรรมะครับ สำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยอ่านกระทู้ของผม

ต้องบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ใช้นักวิจารณ์หนังนะครับ หากแต่เป็นเพียงคนที่ อยากนำเสนอประโยชน์ที่ได้จากการดูหนัง ที่พอจะมาเทียบเคียงกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาได้ เพื่อว่าจะได้พอเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านบ้าง ไม่มากก็น้อย  ซึ่งผมจะ ไม่ได้นำเสนอเนื้อหาของหนังโดยละเอียดทั้งหมดนะครับ หากแต่จะขอเจาะประเด็นในบางช่วงบางตอนที่พอเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ครับ

 
สำหรับเรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้ก็ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ the rite คนไล่ผี

                                                                    
        อ่านชื่อเรื่องแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูแล้วคาดหวังว่าจะเป็นหนังไล่ผีหยอง ๆ ละก็ คุณอาจจะผิดหวังได้ครับ
เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นจากชายคนหนึ่งเค้ามีชื่อว่า ไมเคิล โคแว็ค ครอบครัวของ ไมเคิล มีอาชีพ แต่งศพเพื่อประกอบพิธีกรรม
                                                            
     แม่ของ ไมเคิล เสียชีวิตตั้งแต่ ไมเคิล ยังเด็กซึ่งทำให้ ไมเคิล ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง และไม่ศรัทธาในคริสต์ศาสนา เมื่อโตขึ้นพ่อของเค้าคาดหวังจะให้ ไมเคิล สืบทอดอาชีพแต่งศพต่อจากเค้า หรือไม่ก็เป็นนักบวชในคริสต์ศาสนา แต่ ไมเคิล ของเราไม่สนใจทั้งสองอย่างอยู่แล้ว เค้าจึงเลือกจะไปเป็นนักบวชเพื่อที่จะได้ไปเรียนที่ไกล ๆ พ่อของเค้า (การจะเป็นนักบวชได้ต้องไปศึกษาเสียก่อนแต่ไหนอย่างไรอันนี้ผมก็ไม่ทราบ) โดยเค้าวางแผนไว้ว่าเมื่อเรียนจบ เค้าก็จะไม่เข้าพิธีปฏิญาณตนเป็นนักบวช และลาออกเพื่อเดินทางตามความฝันของเค้าต่อไป
    หลังจากชิ่งหนีจากพ่อโดยอาศัยข้ออ้างว่ามาเรียนสำเร็จแล้ว เค้าก็ตั้งใจเรียนจนในวันที่เค้าจะจบการศึกษานั้น เค้าก็ได้ไปพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น                          
                                                    


   เค้าเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ที่มีผู้หญิงถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส วินาทีที่เธอกำลังจะหมดลมหายใจนั้น เธอได้ขอให้ ไมเคิล สวดภาวนาต่อพระเจ้าให้กับเธอ ไมเคิล จึงต้องจำใจ สวดภาวนาให้กับเธอ หลังจากเหตุการณ์นั้นจึงทำให้ ไมเคิล เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นนักบวช แต่เค้าก็ยังไม่เชื่อในพระเจ้าอยู่ดี จนกระทั่งเค้าได้ถูกส่งให้ไปศึกษาวิธีการไล่ผีกับ บาทหลวง ลูคัส ซึ่งนำแสดงโดย    แอนโทนี่ ฮ็อปกิ้นส์ (เป็นบาทหลวงที่หน้าโหดมาก) เพื่อที่จะได้ทำให้เค้าเห็นว่า ปีศาจและพระเจ้ามีจริง
                                               
    หลังจาก ไมเคิล ได้ร่วมงานกับ ลูคัส เค้าก็ยังไม่เชื่อว่าปีศาจมีจริง เค้ากลับนำทฤษฎีต่าง ๆ ของวิทยาศาสตร์ มาใช้อธิบายพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนที่ถูกผีเข้า เพราะเค้าคิดว่าปีศาจไม่มีอยู่จริง จนกระทั่งพ่อของ ไมเคิล ได้เสียชีวิตลง และเค้าได้คุยโทรศัพท์กับพ่อของเค้า โดยที่ไม่รู้ว่าพ่อของเค้าเสียชีวิตไปแล้ว ปรากฎการณ์นี้ก็เริ่มทำให้ ไมเคิล เอะใจและเริ่มเชื่อว่าชีวิตหลังความตายมีจริง แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก นั้นก็คือ ลูคัส พลาดท่าถูกปีศาจเข้าสิงเสียเอง
                              

    เอาละซิทีนี้ ไมเคิล หันซ้ายหันขวาก็มีแต่เค้าอยู่คนเดียว เค้าจึงต้องทำพิธีไล่ปีศาจออกจากตัว ลูคัส แบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ซึ่งแน่นอนครับทำไม่สำเร็จอยู่แล้ว จนกระทั้งเค้าโดนปิศาจในร่าง ลูคัส ต้อนจน จนมุมทำให้เค้าละทิ้งทิฐิในตัวและเชื่อจนหมดใจว่าปีศาจมีจริง ซึ่งก็ทำให้เค้าเชื่อว่าพระเจ้ามีจริงเช่นกัน เมื่อมีความเชื่อและความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมในพระเจ้า เค้าจึงสามารถไล่ปีศาจออกจากตัว ลูคัส ไปได้ และสุดท้ายเค้าก็ได้ไปเป็นบาทหลวงอยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่งด้วยคาวมเต็มใจ
        

      ส่วนตัวผมดูหนังเรื่องนี้จบแล้วแทบจะลุกไปสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิกัน เลยทีเดียว   ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวปีศาจนะครับ แต่ผมกลัวความตายที่อาจจะมาถึงตัวเราโดยไม่คาดหมายมากกว่า ซึ่งเกิดจากฉากที่ ไมเคิล ต้องสวดภาวนาให้กับผู้หญิงที่ใกล้สิ้นใจนั้นละครับ  ใครจะไปรู้ละครับว่า ความตายจะมาเยือนเราเมื่อตอนไหน

     เพราะปกติเรามักประมาทในการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งที่ทำให้เราเกิดความประมาทนั้น ทางพระพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกัน 4 ประการนั้นก็คือ

     1) ความเป็นหนุ่มสาว ใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนแล้วค่อยทำความดี          
     2) ความไม่มีโรค  คิดว่าตนเองสุขภาพแข็งแรงไม่ต้องรีบทำความดีก็ได้
     3) ความมีทรัพย์  ทำให้หลงไปกับการใช้ทรัพย์จนลืมทำความดี
     4) เวลา การที่ประมาทในเวลา คิดว่ายังมีเวลาอีกมากทำความดีตอนไหนก็ได้

      ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้อยู่ แสดงว่าคุณกำลังใช้ชีวิตด้วยความประมาทอยู่นะครับ
     โดยเฉพาะเมื่อความตายมาเยือน มันก็มักจะมาแบบคุณคาดไม่ถึงเหมือนกันครับ เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นเตือนตนเอง ให้ คิดดี พูดดี ทำดี อยู่เสมอ

เพราะเมื่อความตายมาเยือนนั้น คุณอาจไม่โชคดีเหมือนผู้หญิงคนนี้ที่มี ไมเคิล อยู่ข้าง ๆ ก็ได้ สิ่งที่คุณสามารถพึ่งพาได้มากที่สุด นั้นก็คือตัวคุณเองหรือก็คือบุญที่คุณได้สั่งสมไว้นั่นเอง
        
     ดังคำบาลีที่ว่า             จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา – เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้
                                    จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา – เมื่อจิตเศร้าหมองแล้วทุคติเป็นอันต้องหวัง

  
       นั้นก็หมายความว่า ถ้าในวินาทีสุดท้ายจิตใจของคุณเป็นบุญเป็นกุศล มีความผ่องใสย่อมไปสุคติ
      ซึ่งการจะแบบนั้นได้ คุณต้องหมั่นสั่งสมบุญ หมั่น คิดดี พูดดี ทำดี


      แต่ถ้าคุณทำแต่สิ่งไม่ดี คิดร้าย พูดว่าร้าย ทำในสิ่งที่เป็นอกุศล หมั่นสร้างบาปและไปหวังว่าตอนใกล้หมดลมหายใจ ค่อยทำใจให้ผ่องใสก็ได้ คุณคิดผิดแล้วครับ คุณจะคิดสิ่งดี ๆ ไม่ออกหรอกครับ เพราะคุณ คิดร้าย พูดว่าร้าย ทำในสิ่งที่เป็นอกุศล หมั่นสร้างบาป จนเป็นนิสัย ติดเข้าไปในใจเสียแล้ว ถ้าคุณคิดแบบนี้รับรองได้ครับ ประตูอบายเปิดรอรับคุณแน่นอน

         สุดท้ายตัวผมเองผมก็เชื่อมั่นในบุญกุศล เชื่อว่าบุญมีจริง บาป ก็ต้องมีจริง ผมคงไม่ต้องรอให้เป็นเหมือน ไมเคิล ที่โดนปีศาจต้อนจนมุมแล้วค่อยมาคิดได้หรอกครับ ความดีสั่งสมไว้เถอะครับไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่คนสรรเสริญ แต่การ คิดร้าย พูดว่าร้าย ทำในสิ่งที่เป็นอกุศล นอกจากจะทำให้ใจของเราเร่าร้อนแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วย  ตัวคุณละครับจะเลือก เชื่อตอนเป็น หรือจะเห็นตอนตาย


อากาศแม้มองไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ แต่เราก็ใช้หายใจหล่อเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวินาที บุญ-บาป แม้มองไม่เห็น แต่มันก็หล่อเลี้ยงชีวิตและครอบงำเราอยู่เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น