ก่อนอื่นอยากพูดถึงคนเข้าวัดพระธรรมกาย
จะว่านินทากันเองก็ได้ครับ 555
ไม่ใช่อะไร เห็นเพื่อนสมาชิกหลายท่านให้ความสำคัญกับคนวัดมากมายเหลือเกิน
เรียกว่าโผล่ตรงไหน ก็มีคำถามรอให้อธิบายเต็มไปหมด
ยังกับคนวัดเป็นอับดุล...
ถามอะไรรู้... “รู้”
ถามอะไรตอบได้ ... “ได้” 555
โดยส่วนตัวปลื้มใจแทนชาววัดนะครับ ที่ได้รับเกียรตินี้
ไปเข้ากระทู้ไหน ก็เป็นเหมือนทนาย หรือตัวแทนของวัดไปด้วยเลย
เครดิตดีครับ
บางท่านยิ่งน่าภูมิใจ ถูกยกระดับให้กลายเป็นบุคคลอ้างอิงของวัดในบางกระทู้ด้วย เช่น
“เพื่อนผมเป็นคนวัดเล่าว่า”... หรือ
“แฟนผมเป็นสาวกธรรมกาย เล่าว่า”...
หนังสือพิมพ์ยังเคยเลยครับ จับโจรได้ สืบประวัติพบว่าเคยมาวัดพระธรรมกาย
555 นี่ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหมครับ !!!
คนมาวัดรวม ๆ กัน ผมว่าเป็นล้านคนแล้วนะครับ
คนวัดก็คือคนธรรมดาแบบเรา ๆ นี่แหละครับ
มีทั้งหญิง ชาย เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ไปจนแก่เฒ่า
ทุกสาขาอาชีพครับ ตำรวจ ทหาร อัยการ ผู้พิพากษา ข้าราชการ นักการเมือง แพทย์ วิศวกร พนักงาน ลูกจ้าง
นักธุรกิจใหญ่ พ่อค้าแม่ขาย ไปจนถึงคนระดับล่าง แจกแจงไม่หวาดไม่ไหวครับ
ฐานะตั้งแต่รวยล้นฟ้า ไปจนถึงคนธรรมดา พอมีพอกิน
ความสุขแบบโลก ๆ ก็สัมผัสกันมาพอสมควรแล้ว
ที่มาวัดเพราะอยากได้ความสุขสงบทางใจ ที่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า
เรามาเอาประโยชน์จากตรงนั้นครับ
และเอาแบบจริงจัง ชนิดที่คนไม่เคยทำยากจะเข้าใจ
คนวัดไม่ได้เก่งตำรับตำรา หรือแตกฉานพระไตรปิฎกหรอกครับ
อย่างผม เห็นใครเอาอะไรมาแปะยาว ๆ ศัพท์แสงยาก ๆ ลิงก์มากมาย
ผมเลื่อนเม้าส์ผ่านไปหน้าตาเฉยเลยนะครับ
ไม่ได้อ่าน 555 หน้าด้านจริง ๆ
รู้ทั้งรู้ว่าเขาปรารถนาดี แต่จนใจที่มีความรู้น้อย
ถ้าเปลี่ยนจากกางตำรา มาเป็นชวนนั่งสมาธิ อย่างนี้พอสู้ครับ 55
ที่ชอบวัด เพราะที่นี่ทำให้ความสงบสุขทางใจ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จริง
ที่วัดจะสอนให้นำคำสอนพระพุทธเจ้ามาทำอย่างจริงจัง เชื่อมั่นกันสุดหัวใจ
และวัดนี้เก่งครับ ในการทำเรื่องยากให้ง่าย และกลายเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
ยกตัวอย่างสักเรื่องก็แล้วกันนะครับ
เช่นทำทาน
ที่อื่นมักจะสอนให้ทำตามศรัทธา ทำบุญมากน้อยไม่สำคัญ ขึ้นอยู่ที่ใจ
คุ้นกันใช่ไหมครับ
ผมคิดว่าถ้าทำตามนั้น เราจะไม่ค่อยได้ทำบุญกันหรอก
อย่างผมทำงานเหนื่อย จะขี้เกียจตื่นใส่บาตรหรือไปวัด
ถ้าเอาตามศรัทธา ผมศรัทธาการนอนมากกว่าครับ
ศรัทธาเกิดยาก นาน ๆ จะโผล่มาสักที (หลายท่านก็คงเป็น)
ดังนั้นทำบุญแต่ละที ใจจะน้อมไปทางทำน้อยเป็นส่วนใหญ่
เพื่อนผมหลายคนก็บอกศรัทธา แต่พอถามว่าได้ไปวัด ทำบุญ หรือปฏิบัติธรรมบ้างไหม
ส่วนใหญ่ตอบชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่” แล้วรีบเฉไฉไปเรื่องอื่น
ดูตอนใส่ซองกฐิน-ผ้าป่าก็ได้ครับ เราใส่กันมากน้อยแค่ไหนก็รู้แก่ใจดี
---------------------------------
วัดพระธรรมกายก็สอนแบบเดียวกัน
เพียงแต่ไม่ให้ศรัทธาไปตามยถากรรมเท่านั้นเองครับ
เมื่อมีศรัทธา จะต้องรักษาให้เติบโต และมั่นคง
วิธีการหนึ่งคือลงมือทำ จนเกิดความเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้าครับ
เคยอ่านพระไตรปิฎก บางยุคบางสมัย เขาเลี้ยงพระกันเป็นหมื่นเป็นแสนองค์ใช่ไหมครับ
ทีแรกผมไม่เคยคิดนะว่ามันจะเป็นจริงได้ แต่หลวงพ่อบอกว่าได้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้คือเรื่องจริง
โครงการบวชพระแสนรูป ถวายสังฆทานหลายหมื่นวัด หรือตักบาตรพระครั้งละหลายหมื่นรูปคือตัวอย่าง
คงเคยได้ยินกันมาบ้างนะครับ
ตอนได้ยินโครงการ ผมยังอุทานว่า “เฮ้ย คิดได้ไง !!”
“คิดได้” ว่ายากแล้ว ทำให้สำเร็จยิ่งยากเข้าไปใหญ่
เพราะนอกจากต้องใช้หัวใจและความกล้าหาญ ยังต้องมีทีมงาน และการจัดการที่มีประสิทธิภาพด้วย จึงจะสำเร็จ
โดยส่วนตัวผมอยากให้มีบุญใหญ่ ๆ ให้คนไทยได้ทำมากกว่านี้
แต่น่าเสียดาย ที่โครงการใหญ่ ๆ ไม่ค่อยเกิดให้ชาวพุทธชื่นใจหรอกครับ
จะว่าคนไทยไม่คุ้นหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่เคยได้ยินประโยคดับฝันว่า
ถ้าจะสร้างหรือจัดงานใหญ่ ๆ ควรให้เกิดจากการรวมใจ หรือความพร้อมใจของชาวพุทธกันเอง
แปลไทยเป็นไทยได้ว่า พระหรือวัดไม่ต้องไปยุ่ง ถ้าโยมศรัทธาเขาจะรวมกันมาทำเอง (ตามศรัทธาอีกแล้ว 555)
พอถามว่า แล้วเมื่อไหร่จะรวมใจ ? เมื่อไหร่จะพร้อม ?
คำตอบคือ “ไม่รู้”
บางทีผมรู้สึกว่า พระพุทธศาสนาถูกปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเกินไป
เราจึงหาใครมาเป็นตัวตั้งตัวตีทำอะไรให้ศาสนายากเย็นเหลือเกิน
คนไทยจะเก่งเรื่องให้ความเห็น หรือคำแนะนำ แต่ถ้าให้ออกมา “นำ” ก็ไม่อยากทำซะอีก
การรวมตัวของพุทธบริษัทเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ จึงเกิดได้ยากจริง ๆ
มีลุงญี่ปุ่นที่ใช้ชีวิตยาวนานในเมืองไทย บอกว่าสังคมญี่ปุ่นโยงใยเหมือน “ตาข่ายแมงมุม”
แต่ละคนทำอะไร จะมีผลกระทบไปถึงคนอื่น
เขาจึงแคร์ชุมชน สังคม ให้ความสำคัญกับส่วนรวม
คนญี่ปุ่นจึงทำงานเป็นทีมเก่ง และไม่ค่อยมีใครเด่นกว่าใคร
ส่วนสังคมไทยเหมือน “เม็ดทราย” กำมือไว้ก็เหมือนจะสามัคคีกลมเกลียวกัน
แต่ที่จริงอยู่กันหลวม ๆ
คลายมือเมื่อไหร่ ก็แยกกระจัดกระจายตัวใครตัวมัน
คนไทยให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าส่วนรวม
อาจเพราะอย่างนั้น จึงทำงานเป็นทีมร่วมกันไม่ค่อยได้
แต่ก็แค่ความเห็นของผู้เฒ่า อาจเอามาเป็นจริงเป็นจังไม่ได้นะครับ 55
ผมจึงหวังไว้ ว่าจะมีสักคน สักวัด ที่ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย
มาช่วยกันทำโครงการใหญ่ ๆ ให้พระศาสนากันเยอะ ๆ กว่านี้
---------------------------------
การได้ตักบาตรพระหลายหมื่นรูป ทำให้จินตนาการถึงยุคพุทธกาลได้ง่ายขึ้น
เริ่มเข้าใจว่าพระพุทธศาสนาเคยยิ่งใหญ่ขนาดไหน คนสมัยนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง
ยิ่งได้ทำบุญยิ่งติดใจ ศรัทธาก็เพิ่มพูนขึ้นไปทุกวัน เพราะเห็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นชัดเจน
แค่ได้เห็นพลังของชาวพุทธ ก็ขนลุกทั้งตัวแล้วครับ
พระก็เกิดกำลังใจ โยมก็ทำบุญไปอย่างมีความสุข ลูกเล็กเด็กแดงก็ได้เห็นแบบอย่าง พุทธศาสนาก็แข็งแรง
ผู้ชายใจแข็ง ๆ ยังน้ำตาซึม
ใครได้ทำบุญอย่างนี้ แล้วไม่มีความรู้สึกอะไร ผมว่าใจมีปัญหาแล้วครับ 555
เมื่อศรัทธา ก็เชื่อมั่น
อย่างเรื่องนรก-สวรรค์ แม้ยังไม่เห็นกับตา แต่ก็เชื่อว่าจริง
ผมคิดว่าถ้าเชื่อพระพุทธเจ้ากันสุดใจ เรื่องในพระไตรปิฎกก็จะไม่ใช่แค่ตำนาน
แต่จะเป็นเข็มทิศนำทาง
ให้เรานำสิ่งที่เกิดในพุทธกาล
ให้มาปรากฏในยุคของเรา
-------------------------------------------------
ขอให้สนุกสนานกับการทำความดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น