เป็นการสอนที่ผิด เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว แนวการสอนที่พระพุทธเจ้าทรงใช้มากที่สุด คือ

อนุปุพพิกถา**
การสอนไปตามขั้นตอนเพื่อปรับจิตผู้ฟังให้ละเอียดผ่องใสขึ้นตามลำดับ ดังนี้
1. ทานกถา__ สอนเรื่องการให้ทาน
2. ศีลกถา__ สอนเรื่องการรักษาศีล
3. สัคคกถา__ พรรณนาเรื่องสวรรค์ ความงดงามน่ารื่นรมย์ยินดีของทิพยสมบัติเพื่อให้เห็นอานิสงส์ของการให้ทาน
และรักษาศีล ว่าจะทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์
4. กามาทีนพ__ สอนเรื่องโทษของกาม
5. เนกขัมมานิสงส์__ สอนเรื่องอานิสงส์ของการออกบวช
เมื่อใจของผู้ฟังยกสูงขึ้นละเอียดดีแล้ว จึงสอนต่อด้วยอริยสัจ 4
>> เรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์มีกล่าวไว้มากมายในพระไตรปิฎก ที่รวมไว้เฉพาะเป็นเล่มเลยก็มี
เรียกว่า วิมานวัตถุ เรื่องของวิมาน และเรื่องของนรกก็มีกล่าวไว้มากมาย
เรื่องเปรต ก็กล่าวไว้เป็นคัมภีร์เฉพาะ เรียกว่า เปตวัตถุ
@ตัวอย่างในครั้งพุทธกาล: ลาชเทพธิดา@
มีหญิงชาวนาคนหนึ่ง ได้ทำข้าวตอกใส่ไว้ในขันแล้วมีโอกาสได้ใส่บาตร ถวายพระมหากัสสปะ
ซึ่งเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ระหว่างเดินกลับบ้าน วิบากกรรมตามมาทัน ถูกงูกัดตาย
ผลบุญทำให้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองโตใหญ่มาก
ที่ประตูวิมานประดับเรียงรายด้วยขันทองคำ มีข้าวตอกทองคำห้อยระย้าอยู่อย่างงดงาม
จะเห็นว่าทำบุญอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ทำบุญด้วยข้าวตอก ก็ได้วิมานประดับด้วยข้าวตอกทองคำ
ใช้ขันเป็นภาชนะ ก็มีขันทองคำประดับเรียงราย มีเรื่องราวทำนองนี้อยู่มากมายในพระไตรปิฎกและอรรถกถา
>> พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมถึงความจริงของโลกและชีวิต กฎแห่งกรรม บุญบาป นรก สวรรค์ แล้วทรงนำมาสอนเรา
>> บรรพบุรุษไทยแต่โบราณก็ได้ปลูกฝังศีลธรรมในหมู่ประชาชนให้รักบุญกลัวบาปตามแนวทางของพระพุทธเจ้านี้เอง
อาทิ ไตรภูมิพระร่วง** พระราชนิพนธ์ของพญาลิไท กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยซึ่งพรรณนาถึง
นรก สวรรค์ ภพภูมิต่างๆ ก็เป็นหนังสือที่เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง
ช่วยปลูกฝังศีลธรรมแก่ชาวไทยมายาวนาน ทำให้สังคมไทยสงบร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุข จนได้ชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม”

>> ชาวพุทธในปัจจุบันบางส่วนเริ่มไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม จนพาลจะปฏิเสธการสอนเรื่องนรก สวรรค์
ซึ่งเป็นแนวการสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้สังคมวุ่นวาย คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
“ยิ้มสยาม แทบจะกลายเป็นยิ้มสยอง” ไปแล้ว น่าเสียดายที่สมญานาม “ ยิ้มสยาม ” ของไทยค่อยๆหายสูญไป
>> ศิลปกรรมตามโบสถ์ วิหารต่างๆก็มีภาพเขียนของสวรรค์ เทวดา นางฟ้ามากมาย
บ้างก็ทำเป็นรูปปั้น หรืองานแกะสลักไม้ ปูน แม้กระทั่งงานประติมากรรมโลหะ

>> ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น เราก็ควรจะได้ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่ธรรมะ
เช่น ทำภาพของนรก สวรรค์ ทิพยสมบัติทั้งหลายออกเผยแผ่ตามสื่อต่างๆ เป็นภาพนิ่ง
หรือถ้าทำเป็นแอนิเมชั่นได้ยิ่งดี เพื่อปลุกกระแสศีลธรรม ความรักบุญ กลัวบาป
ให้กลับมาสู่สังคมไทย เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้านเมืองเรา
>> การสื่อสารในปัจจุบันเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากมีพระภิกษุนำเรื่องนรก สวรรค์มาสอนแล้วมีคนพาลติเตียนต่อต้านพระ
หาว่าเอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ หากเราไม่รู้ไปตามแห่ผสมโรงวิจารณ์พระด้วย
ไลท์ กดแชร์ข้อความที่เป็นวจีทุจริตในสังคมออนไลน์__เราก็จะพลอยบาปไปด้วย**
แชร์ไปถึงคน 100 คน ก็บาป 100 เท่า น่ากลัวจริงๆ อย่าไปทำ
ตรงกันข้ามถ้าแชร์ข้อความธรรมะ ยิ่งไปถึงคนกว้างเท่าใด เราก็ได้บุญมากไปตามส่วน
>>ดังนั้นเรามาช่วยกันเผยแพร่ภาพและข้อความธรรมะให้มากๆกันเถิด ให้คนรักบุญกลัวบาป สังคมจะได้สงบร่มเย็น<<
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น