พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปาฏิหาริย์มี 3 อย่าง คือ
1.อิทธิปาฏิหาริย์_ แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ เช่น แปลงกาย หายตัว ดำดิน เหาะ
2.อาเทสนาปาฏิหาริย์_ ทายใจ รู้วาระจิต รู้ความคิดของคนอื่น
3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ _คำสอนให้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทำความดี ทั้งทาน ศีล ภาวนา จนหมดกิเลสในที่สุด
อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น ผู้ที่มีศรัทธาจริตก็จะอัศจรรย์ใจ เพิ่มพูนศรัทธา
แต่ผู้ที่ไม่ศรัทธา ไม่เลื่อมใส ก็อาจไม่เชื่อ โจมตีเอาได้ พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าประเสริฐที่สุด
@การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า@
พระพุทธเจ้าทรงใช้ปาฏิหาริย์ทั้ง 3 อย่างในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพราะคนเรามีจริตอัธยาศัยต่างๆ กันอาทิ
- เมื่อตอนไปโปรดชฎิล 3 พี่น้องพร้อมบริวาร 1,000 คน หลังตรัสรู้ธรรมได้ 5 เดือน
ทรงแสดงปาฏิหาริย์ถึง 3,500 อย่าง จึงปราบมานะทิฐิของชฎิลลงได้ ทำให้เปิดใจฟังธรรมจนบรรลุธรรม
ขอบวชทั้งหมด เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อมา

- เมื่อตอนไปโปรดองคุลีมาล ทรงแสดงฤทธิ์ย่นพสุธา จนองคุลีมาลวิ่งไล่ตามอยู่ 48 กิโลเมตรก็ตามไม่ทัน ทิฐิคลายใจเปิดทิ้งดาบฟังธรรม ได้ออกบวชและเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

- แม้ในพุทธประวัติเองก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมาย อาทิ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ก็ทรงเดินได้ 7 ก้าว มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับ

>> แม้คนธรรมดาเมื่อมีจิตศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม ก็เหนี่ยวนำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ ดังเช่น
นายสุมนมาลาการ ชาวเมืองราชคฤห์ พบพระพุทธเจ้า เกิดศรัทธาท่วมท้นหัวใจ จึงนำดอกมะลิที่เตรียมถวายพระราชา
จัดถวายบูชาพระพุทธเจ้า ไม่หวาดหวั่นว่าจะถูกลงโทษแม้ความตาย เกิดอัศจรรย์ ดอกมะลิลอยเป็นซุ้ม
ติดตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปตลอดทางทั้งเมือง
>> หัวใจสำคัญคือ** อิทธิปาฏิหาริย์นั้นจะต้องเป็นไปเพื่อการเปิดใจผู้อื่นให้พร้อมรับฟังคำสั่งสอน
เพื่อปฏิบัติธรรมทำความดีต่อไป ไม่ใช่เพื่อให้ลุ่มหลงในอิทธิปาฏิหาริย์เหล่านั้น
@เรื่องเล่าปาฏิหาริย์@
<<ปาฏิหาริย์ของพระเถระในประเทศไทย
พระในสายปฏิบัติมักมีเรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิปาฏิหาริย์ดังบอกเล่าต่อเนื่องกันมา เช่น
1. หลวงปู่ทวด สามารถเหยียบน้ำทะเลทำให้เป็นน้ำจืดได้
2. พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถรู้วาระจิตผู้อื่น ปราบภูติผีปีศาจ ปราบสัตว์ร้ายให้เชื่องได้
3. หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รู้วาระจิตผู้อื่น พระของขวัญวัดปากน้ำมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก
4. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เหาะได้ มีนักบินพบกลางอากาศ
5. ครูบาศรีวิชัย สามารถรู้วาระจิตผู้อื่น ฝนตกไม่เปียก
>> เรื่องปาฏิหาริย์นี้คนที่เชื่อก็จะเพิ่มศรัทธาอย่างมาก แต่คนที่ไม่เชื่อก็อาจโจมตีได้
เช่น มีบางคนออกมาพูดลบหลู่ดูหมิ่นพุทธประวัติอย่างรุนแรงว่า
ผู้ที่คลอดแล้วเดินได้เลย เห็นจะมีแต่วัวควายเท่านั้น
ปฏิเสธและโจมตีปาฏิหาริย์ทุกอย่างที่เหนือธรรมชาติอย่างน่ากลัวในผลบาปอันหนักจากวจีกรรมที่ลบหลู่ต่อพระพุทธเจ้ายิ่งนัก
1. พึงรู้ว่าปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาตินั้นมีจริง เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางใจ อย่าเพิ่งไปปฏิเสธ เพราะความรู้เรายังจำกัด
เช่น ถ้าเราไปบอกคนเมื่อ 100 ปีก่อนว่า เราอยู่กรุงเทพแล้วสามารถคุยกับคนอยู่อเมริกาได้
เขาจะไม่เชื่อ หาว่าเราโกหกว่ามีหูทิพย์เพราะเขายังไม่รู้จักโทรศัพท์มือถือ
ความรู้เขายังจำกัดอยู่ ปัจจุบันคนก็ยอมรับว่าทำได้จริง
2. พึงเข้าใจว่าปาฏิหาริย์จะมีประโยชน์ ต่อเมื่อเป็นเครื่องเพิ่มพูนศรัทธาเพื่อเป็นกำลังใจในการศึกษาธรรมะ
ทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป ทั้งการให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา ปาฏิหาริย์แบบนี้มีประโยชน์
3. อย่าลุ่มหลงในปาฏิหาริย์แบบหวังผลดลบันดาล เช่น ขูดต้นตะเคียนขอหวย
ไหว้งู 2 หัว วัวพิการ 5 ขา ไหว้จอมปลวก ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ เพื่อขอผลดลบันดาล
โดยไม่ได้ทำความดี ไม่ได้สร้างบุญ หลงปาฏิหาริย์แบบนี้ ยิ่งหลงจะยิ่งโง่
ข้อเตือนใจ
1. อย่าหลงในความรู้วิชาการสมัยใหม่ของตน จนปฏิเสธดูหมิ่นปาฏิหาริย์ทุกอย่างว่าไม่มีจริง
ให้ฟังหูไว้หู เพราะความรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันยังน้อยนัก เรื่องจริงแต่ความรู้เรายังไปไม่ถึงอธิบายยังไม่ได้มีอีกมาก
หากเราอาศัยความไม่รู้ไปโจมตีกล่าวร้ายต่อผู้มีคุณธรรมสูงอย่างพระพุทธเจ้า
พระเถระทั้งหลาย ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ เสี่ยงต่อนรกยิ่งนัก
2. อย่าให้อิทธิปาฏิหาริย์มาบดบังอนุสาสนีปาฏิหาริย์
เห็นคนที่เขาเชื่อศรัทธาในปาฏิหาริย์ของผู้มีคุณธรรม แล้วตั้งใจทำความดี
ก็ควรอนุโมทนาในการทำความดีของเขา ตัวเราหากไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์
ก็ขอให้วางใจกลางๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธแล้วตั้งใจศึกษาในส่วนคำสอน
ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุขความเจริญไม่ใช่ปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์
แล้วเลยพาลดูถูกปฏิเสธคำสอนที่ดีๆ ของพระท่านไปทั้งหมด ก็จะเสียโอกาส ได้แต่บาปไม่ได้กุศลเลย
1.อิทธิปาฏิหาริย์_ แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ เช่น แปลงกาย หายตัว ดำดิน เหาะ
2.อาเทสนาปาฏิหาริย์_ ทายใจ รู้วาระจิต รู้ความคิดของคนอื่น
3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ _คำสอนให้ประพฤติปฏิบัติธรรม ทำความดี ทั้งทาน ศีล ภาวนา จนหมดกิเลสในที่สุด
อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์นั้น ผู้ที่มีศรัทธาจริตก็จะอัศจรรย์ใจ เพิ่มพูนศรัทธา
แต่ผู้ที่ไม่ศรัทธา ไม่เลื่อมใส ก็อาจไม่เชื่อ โจมตีเอาได้ พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องอนุสาสนีปาฏิหาริย์ว่าประเสริฐที่สุด
@การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า@
พระพุทธเจ้าทรงใช้ปาฏิหาริย์ทั้ง 3 อย่างในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพราะคนเรามีจริตอัธยาศัยต่างๆ กันอาทิ
- เมื่อตอนไปโปรดชฎิล 3 พี่น้องพร้อมบริวาร 1,000 คน หลังตรัสรู้ธรรมได้ 5 เดือน
ทรงแสดงปาฏิหาริย์ถึง 3,500 อย่าง จึงปราบมานะทิฐิของชฎิลลงได้ ทำให้เปิดใจฟังธรรมจนบรรลุธรรม
ขอบวชทั้งหมด เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อมา
- เมื่อตอนไปโปรดองคุลีมาล ทรงแสดงฤทธิ์ย่นพสุธา จนองคุลีมาลวิ่งไล่ตามอยู่ 48 กิโลเมตรก็ตามไม่ทัน ทิฐิคลายใจเปิดทิ้งดาบฟังธรรม ได้ออกบวชและเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

- แม้ในพุทธประวัติเองก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมาย อาทิ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ก็ทรงเดินได้ 7 ก้าว มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับ
>> แม้คนธรรมดาเมื่อมีจิตศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม ก็เหนี่ยวนำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ ดังเช่น
นายสุมนมาลาการ ชาวเมืองราชคฤห์ พบพระพุทธเจ้า เกิดศรัทธาท่วมท้นหัวใจ จึงนำดอกมะลิที่เตรียมถวายพระราชา
จัดถวายบูชาพระพุทธเจ้า ไม่หวาดหวั่นว่าจะถูกลงโทษแม้ความตาย เกิดอัศจรรย์ ดอกมะลิลอยเป็นซุ้ม
ติดตามเสด็จพระพุทธเจ้าไปตลอดทางทั้งเมือง
>> หัวใจสำคัญคือ** อิทธิปาฏิหาริย์นั้นจะต้องเป็นไปเพื่อการเปิดใจผู้อื่นให้พร้อมรับฟังคำสั่งสอน
เพื่อปฏิบัติธรรมทำความดีต่อไป ไม่ใช่เพื่อให้ลุ่มหลงในอิทธิปาฏิหาริย์เหล่านั้น
@เรื่องเล่าปาฏิหาริย์@
<<ปาฏิหาริย์ของพระเถระในประเทศไทย
พระในสายปฏิบัติมักมีเรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิปาฏิหาริย์ดังบอกเล่าต่อเนื่องกันมา เช่น
1. หลวงปู่ทวด สามารถเหยียบน้ำทะเลทำให้เป็นน้ำจืดได้
2. พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถรู้วาระจิตผู้อื่น ปราบภูติผีปีศาจ ปราบสัตว์ร้ายให้เชื่องได้
3. หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ รู้วาระจิตผู้อื่น พระของขวัญวัดปากน้ำมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก
4. หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เหาะได้ มีนักบินพบกลางอากาศ
5. ครูบาศรีวิชัย สามารถรู้วาระจิตผู้อื่น ฝนตกไม่เปียก
>> เรื่องปาฏิหาริย์นี้คนที่เชื่อก็จะเพิ่มศรัทธาอย่างมาก แต่คนที่ไม่เชื่อก็อาจโจมตีได้
เช่น มีบางคนออกมาพูดลบหลู่ดูหมิ่นพุทธประวัติอย่างรุนแรงว่า
ผู้ที่คลอดแล้วเดินได้เลย เห็นจะมีแต่วัวควายเท่านั้น
ปฏิเสธและโจมตีปาฏิหาริย์ทุกอย่างที่เหนือธรรมชาติอย่างน่ากลัวในผลบาปอันหนักจากวจีกรรมที่ลบหลู่ต่อพระพุทธเจ้ายิ่งนัก
1. พึงรู้ว่าปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาตินั้นมีจริง เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางใจ อย่าเพิ่งไปปฏิเสธ เพราะความรู้เรายังจำกัด
เช่น ถ้าเราไปบอกคนเมื่อ 100 ปีก่อนว่า เราอยู่กรุงเทพแล้วสามารถคุยกับคนอยู่อเมริกาได้
เขาจะไม่เชื่อ หาว่าเราโกหกว่ามีหูทิพย์เพราะเขายังไม่รู้จักโทรศัพท์มือถือ
ความรู้เขายังจำกัดอยู่ ปัจจุบันคนก็ยอมรับว่าทำได้จริง
2. พึงเข้าใจว่าปาฏิหาริย์จะมีประโยชน์ ต่อเมื่อเป็นเครื่องเพิ่มพูนศรัทธาเพื่อเป็นกำลังใจในการศึกษาธรรมะ
ทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป ทั้งการให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา ปาฏิหาริย์แบบนี้มีประโยชน์
3. อย่าลุ่มหลงในปาฏิหาริย์แบบหวังผลดลบันดาล เช่น ขูดต้นตะเคียนขอหวย
ไหว้งู 2 หัว วัวพิการ 5 ขา ไหว้จอมปลวก ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ เพื่อขอผลดลบันดาล
โดยไม่ได้ทำความดี ไม่ได้สร้างบุญ หลงปาฏิหาริย์แบบนี้ ยิ่งหลงจะยิ่งโง่
ข้อเตือนใจ
1. อย่าหลงในความรู้วิชาการสมัยใหม่ของตน จนปฏิเสธดูหมิ่นปาฏิหาริย์ทุกอย่างว่าไม่มีจริง
ให้ฟังหูไว้หู เพราะความรู้ของมนุษย์ในปัจจุบันยังน้อยนัก เรื่องจริงแต่ความรู้เรายังไปไม่ถึงอธิบายยังไม่ได้มีอีกมาก
หากเราอาศัยความไม่รู้ไปโจมตีกล่าวร้ายต่อผู้มีคุณธรรมสูงอย่างพระพุทธเจ้า
พระเถระทั้งหลาย ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ เสี่ยงต่อนรกยิ่งนัก
2. อย่าให้อิทธิปาฏิหาริย์มาบดบังอนุสาสนีปาฏิหาริย์
เห็นคนที่เขาเชื่อศรัทธาในปาฏิหาริย์ของผู้มีคุณธรรม แล้วตั้งใจทำความดี
ก็ควรอนุโมทนาในการทำความดีของเขา ตัวเราหากไม่เชื่อในอิทธิปาฏิหาริย์
ก็ขอให้วางใจกลางๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธแล้วตั้งใจศึกษาในส่วนคำสอน
ชีวิตเราก็จะมีแต่ความสุขความเจริญไม่ใช่ปฏิเสธอิทธิปาฏิหาริย์
แล้วเลยพาลดูถูกปฏิเสธคำสอนที่ดีๆ ของพระท่านไปทั้งหมด ก็จะเสียโอกาส ได้แต่บาปไม่ได้กุศลเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น