ผูกพันกับคนก็ไปอยู่กันคน ผูกพันกับสิ่งของ ผูกพันกับสัตว์ ผูกพันกับวิชา
หรือผูกพันกับสิ่งที่ตัวนับถืออย่างไร มันก็จะไปอยู่อย่างนั้น
เพราะฉะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์จึงสอนให้ไม่ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ให้ผูกพันกับสิ่งใดที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร
แต่ให้มาผูกพันกับพระรัตนตรัย เพราะพระรัตนตรัยเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
----------------------
กุมารทอง (ตอน 1)
เรื่องกุมารทอง ไม่ไช่เป็นการเล่าเรื่องผี และไม่ใช่เป็นการเล่าวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน แต่เป็นเรื่องกฎแห่งกรรมที่นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เห็นการเวียนว่ายตาย เกิดของมนุษย์ ที่เป็นไปตามการกระทำของตน และไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นความจริงว่า วิทยาศาสตร์ทางวัตถุกับวิทยาศาสตร์ทางใจจะเคียงคู่ไปด้วยกัน ในขณะที่โลกกำลังเจริญรุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยี แต่วิทยาศาสตร์ทางใจก็ไม่ได้ หายไปไหน และดูเหมือนว่ากำลังจะถูกบดบัง แต่ถึงอย่างไรก็บังไม่หมด ก็จะมีเคียงคู่กันไปอย่างนี้
กุมารทอง เป็นเรื่องที่น่าศึกษา เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นไปของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับกฎแห่งกรรม เป็น เรื่องของอดีตมนุษย์ในปรโลก ที่มีภพติดกับภพภูมิมนุษย์ ซ้อนกันอยู่อีกมิติหนึ่ง คือ อยู่ที่เดียวกับมนุษย์แต่ซ้อนกันอยู่ เหมือนกายมนุษย์ละเอียดซ้อนอยู่ในกายมนุษย์หยาบอย่างนั้น
กุมารทองจะมีอายุยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่สั้นกว่าอากาศเทวา สั้นกว่าชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นต้น อายุจะอยู่ช่วงประมาณห้าร้อยถึงพันปีมนุษย์ ตายแล้วอาจจะเกิดซ้ำอย่าง เดิม หรืออาจจะอยู่ถึงอายุในภพภูมินั้น หรืออาจจะไม่ถึง เหมือนมนุษย์มีอายุเฉลี่ย ๗๕ ปี บางคนก็อยู่ถึง บางคนก็อยู่ไม่ถึง บางคนก็อยู่เกิน
วิบากกรรมที่ทำให้มาเกิดเป็นกุมารทอง
ก่อนอื่นเรามาดูวิบากกรรมที่ทำให้เป็นกุมารทอง คือ กรรมที่บางคนเคยทำแท้งสมัยเป็นมนุษย์ ชาติก่อนที่จะเป็นกุมารทอง เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ เคยทำแท้งเอาไว้ จึงทำให้ตายในท้อง แบบตายท้องกลม ตายทั้งแม่และลูก เมื่อตายแล้วก็กลายเป็นผีเด็ก คือ ถ้าตายตอนเด็กก็เป็นผีเด็ก ตายตอนแก่เป็นผีแก่ ตายหนุ่มสาวก็ผีหนุ่มสาว และอีกวิบากกรรมหนึ่ง ตอนที่เป็นมนุษย์ชอบเรียนวิชาพวกนี้ด้วย ซึ่งก็เป็นภาพในอดีตชาติของตนครั้งยังเป็นมนุษย์ ที่ได้ไปผ่าท้องเอาเด็กออกมาทำตามขั้นตอนพิธีกรรม จึงทำให้ต้องมาเป็นกุมารทอง
ไม่ใช่ว่าจะนำมาทำกุมารทองได้หมดทุกคน ต้องมีวิบากกรรมที่เคยทำเขาไว้ คือ วิบากกรรมทำแท้งจึงต้องมาตายในท้อง ตายแล้วร่างก็ออกมาเป็นผีเด็ก แล้วก็เคยไปเรียนวิชาพวกนี้มาก่อน จึงมีคนที่เรียนวิชานี้ นำไปประกอบพิธีกรรมแบบที่ตัวเคยทำ แล้วก็เรียกวิญญาณของตัวมาเลี้ยง ไว้ และก็นำมาใช้งาน โดยมีวิทยาธรเจ้าของวิชากำกับด้วยมนตร์
วิทยาธรที่เป็นเจ้าของวิชา คือ อดีตมนุษย์ที่ชอบเรียนวิชานี้ ตายแล้วก็ไปเป็นวิทยาธรอยู่ที่ป่าหิมพานต์ และก็จะรักษาวิชาสืบต่อกันมาอย่างนี้ ควบคู่กับไปกับเทคโนโลยี แต่ถ้าไม่มีกรรมด้านนี้ก็เรียกมาใช้งานไม่ได้
กุมารทองส่วนใหญ่ เป็นเด็กผมจุก นุ่งโจงกระเบน ไม่ใส่เสื้อ สวมสร้อยสังวาล ถูกเลี้ยงโดยผู้ที่มีวิชาไสยศาสตร์ วิชาที่เรียนนี้ ต้องใช้ศพคนตายท้องกลม คือ ตายทั้งแม่และลูก มีอยู่ ๒ ประเภท คือ ประเภทที่มีวิบากกรรมด้านนี้ จึงจะนำไปทำกุมารทองได้ และประเภทที่ไม่มีวิบากกรรมด้านนี้ ก็ไม่สามารถนำไปทำกุมารทองได้ ซึ่งถ้าไม่มีกรรมด้านนี้ทั้งแม่และลูกที่ตายก็จะไปเกิดตามกรรมของตน แต่ถ้ามีวิบากกรรมประเภทนี้ ก็จะดึงดูดให้ผู้ที่เรียนวิชาไสยเวทย์ที่เป็นมนุษย์นำไปใช้งาน โดยมี อาจารย์วิทยาธรจะเป็นผู้กำกับ คอยแนะนำว่า ให้ไปเอาตรงนั้น ตรงนี้ ทำอย่างนั้น อย่างนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป
[Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความกำเนิดกุมารทอง
การเลี้ยงดูกุมารทอง
ทรงเจ้าเข้าผีมาเป็นกุมารทอง
วิธีการเลี้ยง และใช้งาน กุมารทอง
วิธีการติดต่อกับกุมารทอง
สังคมของกุมารทอง
กุมารีทอง กุมารเทย กุมารีเทย
นางกวัก
ลูกกรอกสัตว์ และสัตว์ประหลาดต่าง ๆ
วิธีปลดปล่อยกุมารทอง
รู้ได้อย่างไรว่า...กุมารทองไปเกิดใหม่แล้ว
พิธีอัญเชิญเครื่องรางของขลังออกจากบ้าน
อาจารย์วิทยาธรที่รักษาวิชา...ได้รับประโยชน์อะไร และมีผลเสียอย่างไร
ผลเสียจากการเลี้ยงกุมารทอง
ตี่จู๋เอี๊ยะ และ ศาลพระภูมิ
ผีถ้วยแก้ว
ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง
บทส่งท้าย บ๊ายบาย...กุมารทอง
ทรรศนะ...คุณครูไม่ใหญ่
=====
แล้วพวกลูกเทพ นี้เป็นกุมารทองประเภทหนึ่งหรือเปล่าครับ
เขาว่าไว้ว่า
รักยม คือ ต้นรักต้นยม
กุมารทอง จะทำมาจากวิญญาณเด็ก ปลุกเสกด้วยดิน 7 ป่าช้า มวลสารต่างๆ เป็นต้น
ตุ๊กตาลูกเทพ จะเป็นการอันเชิญดวงเทพมาอยู่ในตุ๊กตา ไม่มีมวลสารใดๆ โดยมีคนจะเป็นผู้ปลุกเสกตามวันเดือนปีเกิดวันตกฝากของเรา
ส่วนวิธีการดูแลนั้นก็จะแตกต่างจากกุมารทอง โดยจะได้รับส่วนบุญของเราจากการที่เราสวดมนต์ ส่วนเรื่องของการพาไปเที่ยวด้วย ไปไหนมาไหนด้วยนั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น