วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ศาสนาพุทธจะล่มสลาย เพราะชาวพุทธ(ถูกยุให้)แตกกันเอง ????

ไม่รู้ทำไมพอผมอ่านบทความนี้จบ  สิ่งที่นึกถึงสิ่งแรกเลยคือภาพคนไทยที่เป็นชาวพุทธ กำลังทะเลาะกัน...  และยิ่งเห็นผู้ใหญ่บ้านเมืองตอนนี้ไม่สนับสนุนงานพระพุทธศาสนาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา... ฤาว่าศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาของเหล่าท่านผู้นำเริ่มเสื่อมสลายไป  จึงไม่คิดใยดีว่าพระพุทธศาสนาในเมืองไทยจะอยู่ หรือจะล่มสลายไปเหมือนหลายประเทศที่เคยเป็นอดีตเมืองพุทธ!!!!
    บทความที่ผมนำมาลงนี้ ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด  แต่ด้วยยุทธวิธีการขยายอาณาจักรที่ หากไม่พิจารณาดีๆ ก็ไม่รู้ ....
    การยึดเมืองๆหนึ่ง โดยอาศัยพลเมืองของเมืองนั้นเอง  เหมือนน้ำเซาะทราย  เอาผลประโยชน์มาเป็นตัวล่อ กว่าที่คนในประเทศจะรู้ตัว ก็สายไปเสียแล้ว...


ประวัติศาสตร์โลก:อังกฤษใช้เวลา100ปียึดครองอินเดียสำเร็จ เพราะการทรยศของคนในรัฐ


     …ราชวงศ์โมกุลหลังพระเจ้าออรังเซบเสื่อมอำนาจลงอย่างรวดเร็ว ประเทศราชและเขตปกครองต่างๆ ของโมกุลทยอยแยกตัวเป็นอิสระ จนเมื่อถึงกลางศตวรรษที่ 18 เขตปกครองของกษัตริย์โมกุลหดเหลือเพียงพื้นที่รอบนครเดลีเท่านั้น ชาวตะวันตกโดยเฉพาะอังกฤษกับฝรั่งเศสจึงฉวยโอกาสนี้เร่งขยายอำนาจและยึดครองพื้นที่ในอินเดีย เพื่อแปลงแคว้นต่างๆ ในอินเดียให้เป็นอาณานิคมและรัฐในอารักขาที่อยู่ใต้การปกครองของตน

     อังกฤษได้ตั้งบริษัทอินเดียตะวันออก เพื่อทำการค้ากับดินแดนต่างๆ ในทวีปเอเชียตั้งแต่ปี ค.ศ.1600 อังกฤษได้ก่อตั้งสถานีการค้าที่อินเดียครั้งแรกเมื่อปี 1611 ต่อมาได้ตั้งที่มั่น 3 แห่งขึ้นตามชายฝั่งของอินเดียคือ มัดราส (ค.ศ.1639) บอมเบย์ (ค.ศ. 1668) และกัลกัตตา (ค.ศ.1698) แล้วใช้ที่มั่นทั้งสามแห่งนี้ขยายการค้าและอิทธิพลทางการเมืองในอินเดีย

     ส่วนฝรั่งเศสได้ตั้งบริษัทอินเดียตะวันออกเมื่อปี 1664 และตั้งสถานีการค้าที่อินเดียครั้งแรกในปี 1668 ต่อมาก็ได้สร้าง พอนดิเชอร์รี ขึ้นเป็นศูนย์กลางการค้าการปกครองของตนในอินเดียเมื่อปี 1674

     แม้ฝรั่งเศสจะเข้ามาอินเดียหลังชาติยุโรปอื่นๆ แต่กลับกลายเป็นประเทศตะวันตกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอินเดียในช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 18 จนเป็นที่ริษยาแก่ชาติยุโรปอื่นโดยเฉพาะอังกฤษ

     อังกฤษกับฝรั่งเศสเป็นคู่ปรับที่แข่งขันกันล่าอาณานิคมในศตวรรษที่ 18 อินเดียเป็นสมรภูมิแข่งขันที่สำคัญแห่งหนึ่งของสองประเทศนี้ ฝรั่งเศสเริ่มรับสมัครชาวอินเดียจัดตั้งเป็นกองทหารรับจ้าง แล้วใช้กองทหารนี้แทรกแซงกิจการภายในของรัฐต่างๆ ในภาคใต้อินเดียตั้งแต่ปี ค.ศ.1742 อังกฤษได้จัดตั้งกองทหารรับจ้างตามอย่างฝรั่งเศสและเข้าขัดขวางการขยายอำนาจของฝรั่งเศส ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศนี้ได้นำไปสู่สงครามคาร์เนติกสามครั้งในปี 1746-1748, 1749-1754 และ 1756-1763

     ผลของสงครามปรากฏว่าฝรั่งเศสเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ฝรั่งเศสจึงยอมยุติบทบาทของตน ปล่อยให้อังกฤษเป็นฝ่ายขยายอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในอินเดีย

     อังกฤษเริ่มทำสงครามขยายอำนาจในอินเดียด้วยการเอาชนะนาวาบ (ผู้ว่าการ) แห่งเบงกอลที่พลาสซีย์เมื่อปี ค.ศ.1757 จากนั้น ได้ทำสงครามยึดครองเบงกอล (ค.ศ.1763-1764 ) สงครามไมซอร์สี่ครั้ง (ค.ศ.1767-1769 , 1780-1784 , 1790-1792 , 1799) สงครามมาราทาสามครั้ง (ค.ศ.1775-1782 , 1803-1805 , 1817-1818) สงครามซินด์ (ค.ศ.1843) และสงครามซิกข์สองครั้ง (ค.ศ.1845-1846 , 1848-1849)
รวมใช้เวลาเกือบร้อยปี จึงยึดครองดินแดนอินเดียได้ทั้งหมด

     การที่อังกฤษสามารถเอาชนะอินเดียที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีประชากรมากกว่าตนถึงสิบเท่าได้นั้น เป็นเพราะอินเดียขณะนั้นแตกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อย รัฐต่างๆ ยังมีเรื่องขัดแย้งกัน และเกิดสงครามติดพันกันตลอดเวลา อังกฤษจึงสามารถเลือกเป้าโจมตีได้ตามใจชอบ บางครั้งยังดึงรัฐอื่นเป็นพันธมิตรมาโจมตีอีกรัฐหนึ่ง

    อังกฤษยังนิยมใช้วิธีซื้อบุคคลสำคัญของรัฐที่ตนโจมตีเป็นไส้ศึก]]อังกฤษยังนิยมใช้วิธีซื้อบุคคลสำคัญของรัฐที่ตนโจมตีเป็นไส้ศึก รัฐจำนวนมากประสบความพ่ายแพ้ต่ออังกฤษเพราะการทรยศของคนในรัฐนั้นเอง

     อังกฤษยังมีวิธีแยบยลในการแก้ปัญหากำลังทหารไม่เพียงพอกับการขาดแคลนงบประมาณทางทหาร อังกฤษรับสมัครชาวอินเดียมาเป็นทหารรับจ้างจำนวนมาก เมื่ออังกฤษรบชนะรัฐใดหรือบีบให้รัฐใดยอมจำนน อังกฤษจะทำสัญญาให้รัฐนั้นยินยอมให้ตนส่งทหารมาตั้งประจำและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของทหารเหล่านั้น สำหรับบางรัฐจะทำสัญญาให้มีหน้าที่ส่งทหารจำนวนตามที่ระบุมาช่วยรบเมื่ออังกฤษต้องการ

     ดังนั้น จึงเท่ากับอังกฤษใช้คนของอินเดียและเงินของอินเดียมายึดครองอินเดีย โดยใช้กำลังคนจากอังกฤษน้อยมาก และแทบไม่ต้องใช้เงินงบประมาณโดยตรงจากอังกฤษ…


ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 ก.ย. – 27 ก.ย. 2550 บทความพิเศษ โดย ภูมิ พิทยา ในเรื่อง ปัญหาชนชาติและศาสนา (9)

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

พระธรรมาจารย์ซุยยวิ๋น พระผู้ทรงธรรมมีมหาเมตตา แม้จะโดนทำร้ายแทบปางตาย

พระธรรมาจารย์ ซุยยวิ๋น 虚云老和尚(ค.ศ.1840-1959)  พระเถระนักปฏิบัติธรรม ผู้มีอายุถึง 118 ปี

          ท่านเคยเดินธุดงค์ข้ามประเทศ และภาวนาเข้าฌานสมาบัติยาวถึง  ๙ วันบ้าง ๑๘ วันบ้าง และท่านยังเคยเดินทางมาทำภาวนาที่เมืองไทย  ในคราวนี้ขอนำเสนอ เวลาในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน  ที่คล้ายๆ พระโมคัลลานะ คือถูกทำร้าย  จึงแปลบ่างส่วนของบทความคร่าวๆที่ได้จากห้องเรียนอ.เจินเจิน มาฝาก ว่าพระเถระท่านได้ผ่านชีวิตในยุคคอมมิวนิสต์นั้นอย่างไร 




          พระธรรมาจารย์ ซุยยวิ๋น ท่านเป็นพระนักปฏิบัติ เมื่อท่านอายุราว ๔๐ ปี  ท่านได้กระทำการสักการะพระพุทธเจ้าด้วยการ เดิน ๓ ก้าว กราบ ๑ ครั้ง เหมือนที่ชาวทิเบตทำ จากภูเขาผู่ถัว ถึง ภูเขาอู่ไถ  เพื่อเป็นการทดแทนคุณบุพการี  ในช่วงที่ท่านนั่งเข้าฌานสมาบัติ บนภูเขาสูงเป็นครั้งแรกนั้น  ขณะที่ท่านกำลังต้มมันเพื่อฉันเป็นอาหาร ระหว่าที่รออยู่นั้นท่านได้ทำสมาธิรอ แต่ปรากฏว่า  แม้อากาศบนภูเขาในขณะนั้นจะหนาว แต่ท่านกลับทำสมาธิรวดเดียว โดยไม่ลืมตาเลยเป็นเวลาถึง ๑๘ วัน  ซึ่งเมื่อพระเพื่อนของท่านมาเยี่ยมในวันตรุษจีนจึงได้พบท่านนั่งทำ สมาธิอยู่จึงได้เรียกชื่อท่าน ท่านซุยยวิ๋นจึงออกจากสมาธิและทราบว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วถึง๑๘ วัน  อีกครั้งท่านได้เดินทางมาที่ประเทศไทยและได้เข้าฌานสมาบัติ ๙  วัน ปรากฎว่าหลังจากนั้นท่านก็ไม่สามารถขยับตัวได้เป็นเวลาหลายวัน  ท่านจึง ภาวนาถึงพระมหากัสสปะ  ในคืนนั้นท่านฝันถึงพระภิกษุผู้สูงอายุรูปหนึ่ง  โดย ในฝันได้พระภิกษุรูปนั้นบอกท่านว่าอย่าอยู่ห่างจากจีวรและบาตร จงเอาจีวรและบาตรเป็นหมอน ทุกอย่างจะดีเอง  ต่อมาไม่นาน ท่านจึงกลับมาขยับตัวได้  และท่านได้เข้าฌานสมาบัติอีกครั้งเมื่อบั้นปลาย ชีวิต



          เมื่อท่านอายุ ๑๑๒ ปี เป็นช่วงยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน ที่คอมมิวนิสต์มีความต้องการทำลายศาสนาและความเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น เต๋า ขงจื้อ หรือแม้แต่พุทธศาสนา  ในช่วงนั้นพระลูกวัดท่านจำนวน ๒๖ รูปถูกจับกุมและโดนทำร้าย ท่านจึงได้เข้าฌานสมาบัติโดยล็อกห้อง  ไม่มีการส่งอาหารและน้ำ  ในห้องมืด ที่เหมือนถ้ำที่มืดทั้งกลางวันและกลางคืน  เมื่อผ่านไปสามวัน  พวกเรดการ์ด (อาสาสมัครเพื่อพรรคคอมมิวนิสต์) ๑๐ คนได้พังประตู และเข้าไปทำร้ายร่างกายท่าน  ด้วยไม้และเหล็ก  และลากท่านมาทำร้ายต่อที่ พื้น แม้ว่าท่านจะโดนทำร้ายสักกี่ครั้ง  ตัวของท่านจะกลับไปสู่ท่านั่งสมาธิและ หลับตาเสมอ  วันนั้นพวกเรดการ์ดได้ทุบตีท่านถึง ๔ ครั้ง จนคิดว่าท่านคงเสียชีวิตแล้ว จึงเดินทางกลับไป  พอตกค่ำท่านซุยยวิ๋นจึงพยายามพยุงตัวขึ้นมาบนเตียงและ กลับมาสู่ท่านั่งสมาธิอีกเหมือนเดิมในวันที่ ๕ พวกเรดการ์ดเข้ามาเห็นท่านยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิ  จึงลากท่านลงมาที่ พื้น  แล้วรุมกระทืบท่าน เมื่อพวกนั้นกลับไป  อุปัฏฐากได้พยุงท่านขึ้นบนเตียงอีกครั้ง ในเช้าวันที่ ๑๐ ท่านได้เปลี่ยนท่านั่ง  เป็นท่าศรีไสยาส  เมื่อใกล้เช้าวันที่ ๑๑ อุปัฏฐากได้ยินเสียงครางของพระเถระ จึงพยุงและบอกว่าท่านได้อยู่ในสมาธิกี่วัน  พระเถระได้เล่าว่าในช่วงเข้า สมาบัติในสมาธิ ท่านได้ไปฟังธรรมที่ชั้นดุสิต  ซึ่งท่านได้เล่ารายละเอียดอีกมากมายถึง เรื่องที่ท่านไปฟังธรรมกับพระศรีอริยเมตไต ที่สวรรค์ชั้นดุสิตเขตใน (จะนำมาแบ่งปันคราวต่อไปหากสนใจ) 




          ในช่วงหนึ่งที่พวกเรดการ์ดกลับมา แล้วเห็นท่านยังมีชีวิตอยู่ พวกนั้นเริ่มประหลาดใจและเกิดความกลัวขึ้นในใจ  หนึ่งในทีมเรดการ์ดจึงพูด ถามพระลูกวัดว่า ทำไมพระเถระจึงยังไม่ตาย  พระรูปนั้นได้ตอบกลับมาว่า

“ พระเถระผู้ชราได้ทนทุกขทรมาน และจะไม่ตาย  ไม่เอาความ แม้ว่าพวกเธอจะกระทำท่านหนักสักเพียงใด 
เพื่อเป็นการให้พรพวกเธอและเพื่อสักวันพวกเธอจะได้กลับใจ ”  


         ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นเพื่อโปรดสัตว์ผู้ไม่รู้ ให้ได้มีโอกาสกลับใจไม่กล้าที่จะทำบาปอีก  นอกจากนั้นหากท่านมรณภาพด้วย ฝีมือของคนเหล่านี้ จะทำให้ผู้ที่ทำร้ายท่านมีบาปหนักติดตัวไป เพราะได้ฆ่าพระภิกษุผู้ทรงศีล ทรงธรรม  จึงเห็นได้ว่าท่านซุยยวิ๋นเป็นพระเถระผู้มีความเมตตาอย่างไม่มี ประมาณ 

         จะเห็นได้ว่าปัจุบันสังคมไทยเริ่มมีการใช้วาจาจาบจ้วงพระภิกษุ โดยไม่รู้เลยว่าพระเหล่านั้น  ท่านเป็นผู้ทรงศีล  ทรงธรรมขนาดไหน  และด้วย ความเมตตา ท่านจึงนิ่ง ไม่ตอบโต้ และกระทำศาสนกิจของพระภิกษุต่อไป แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ผู้ที่ไม่รู้ว่าผลจากการพูดจาจาบจ้วงพระภิกษุผู้เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย นั้นมีผลร้ายแรงเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังดีที่ประเทศของพวกเราก้าวยังไปไม่ถึงประเทศที่เป็น คอมมิวนิสต์หรือเผด็จการเต็มใบ  หรือถ้าถึงวันนั้นจริงๆ พระพุทธศาสนาในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร คงต้องฝากไว้กับพุทธบริษัท 4 ทุกคน

อ้างอิงจากบทความวิชาการ Prof.Huimin Bhikksu, An Inquiry into master Xuyun’s experience of long dwelling in samādhi, Chung-Hua Buddhist Journal, Vol22, 45-68.

สามารถรับชมสารคดีรายละเอียดของท่านได้ในยูทูปด้านล่าง
https://www.youtube.com/watch?v=8trXO37lo6A